สช.เปิดพื้นที่พัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ


VIEW: 44   SHARE: 0    
เผยแพร่โดย:   by  สุภาภรณ์

สช.เปิดพื้นที่วิจัยขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุและการสร้างเสริมสุขภาวะระยะสุดท้ายของชีวิตปี 2568

“นับเป็นหนึ่งรูปแบบของ Community-Based Care เพื่อสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในโรงพยาบาลสังกัดในทุกระดับส่งเสริมระบบการดูแลระยะสุดท้ายในชุมชนพื้นที่

วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2568  สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จัดการประชุมหารือเพื่อจัดทำแผนโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุและการสร้างเสริมสุขภาวะระยะสุดท้ายของชีวิตในชุมชนระดับปฐมภูมิ ระยะเปลี่ยนผ่านการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต ให้ อบจ. จังหวัดสงขลา และจังหวัดขอนแก่น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุด้านการสร้างเสริมสุขภาวะในระยะสุดท้ายของชีวิตในชุมชนท้องถิ่น ภายใต้ระยะเปลี่ยนผ่านการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต ให้ อบจ. โดยบูรณาการความร่วมมือของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานพยาบาลทุกระดับ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมในชุมชนร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจในพื้นที่ พัฒนาพื้นที่ต้นแบบ (Sandbox) การจัดบริการการดูแลผู้สูงอายุด้านการสร้างเสริมสุขภาวะในระยะสุดท้ายของชีวิตแบบมุ่งผลลัพธ์ใน รพ.สต. ที่มีการถ่ายโอนภารกิจไปยัง อบจ.  และ พัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบบริการดูแลผู้สูงอายุด้านการสร้างเสริมสุขภาวะระยะสุดท้ายของชีวิตในพื้นที่ต้นแบบ 

 โดยมี ศ.นพ.แพทย์อิศรางค์ นุชประยูร ผู้อำนวยการของเยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคม และศาสตราจารย์ของภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , นายสุทธิพงษ์ วสุโสภาพล รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ, นางจุฑามาศ  โมฬี ผู้อำนวยการสำนักนโยบายสาธารณะภาคเหนือ พร้อมผู้ช่วยวิจัยโครงการในพื้นที่จังหวัดสงขลา จังหวัดขอนแก่น  และทีมสำนักนโยบายสาธารณะภาคเหนือ  เข้าร่วมแลกเปลี่ยน   

ครั้งนี้ นางจุฑามาศ โมฬี ผู้อำนวยการสำนักนโยบายสาธารณะภาคเหนือ แลกเปลี่ยนที่มาของดำเนินการจัดทำโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุและการสร้างเสริมสุขภาวะระยะสุดท้ายของชีวิตในชุมชนระดับปฐมภูมิระยะเปลี่ยนผ่านการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต ให้ อบจ.จังหวัดสงขลา และจังหวัดขอนแก่น โดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ  ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ซึ่งจะมีการดำนินงานในปี 2568 ตามกรอบแนวทางการศึกษาเทียบเคียงพื้นที่ถ่ายโอนและไม่ได้ถ่ายโอนเพื่อให้เห็นแนวทางและข้อจำกัดเป็นองค์ความรู้/มาตรการที่เกี่ยวข้องกับระบบการดูแลแบบประคับประคองที่เชื่อมโยงจากโรงพยาบาลสู่ชุมชนและเป็นต้นแบบที่สามารถนำไปขยายผล

และกำหนดขอบเขตการวิจัย ประกอบด้วย (1) ศึกษาระบบและกลไกของการจัดบริการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายใน รพ.สต ที่ถ่ายโอนไปยัง อบจ. และวิเคราะห์ช่องว่างของนโยบาย กฎหมาย และการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายในระดับจังหวัดที่เชื่อมโยงจากระดับชาติ เพื่อจัดทำข้อเสนอแนวทางการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายในชุมชนท้องถิ่น (2) พัฒนาระบบการจัดบริการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายใน รพ.สต ที่ถ่ายโอนไปยัง อบจ. ผ่านกลไกคณะกรรมการสุขภาพระดับพื้นที่ (กสพ.) โดยบูรณาการกับแผนพัฒนาสุขภาพระดับพื้นที่ขององค์การบริหาร ส่วนจังหวัด และการสร้างการมีส่วนร่วมในการนำแผนพัฒนาฯไปสู่การปฏิบัติ (3) พัฒนาศักยภาพและสื่อสารเผยแพร่องค์ความรู้บุคลากรด้านสุขภาพ ใน รพ.สต ที่ถ่ายโอนไปยัง อบจ. และบุคลากรภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง องค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้นำชุมชน อสม.  องค์กรศาสนา  ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม  ให้มีความรู้และนำไปปฏิบัติงานได้ ในเรื่องกฎหมายและวิชาการด้านการดูแลแบบประคับประคองและการดูแลระยะสุดท้ายของชีวิต

ขณะที่ ศ.นพ.แพทย์อิศรางค์ นุชประยูร แลกเปลี่ยนแนวทางการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย เยือนเย็น’ วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เป็นการบริการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง (Palliative Care หรือ ชีวาภิบาล) “ความเป็นจริงของครอบครัวมีความประสงค์ที่จะเลือกช่วงเวลาสุดท้ายที่บ้านของชีวิต  ทำสิ่งที่เจ้าของชีวิตต้องการที่มีความเข้าใจสัจธรรม” เพื่อรับฟังความต้องการ และสนับสนุนให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในช่วงเวลาสำคัญ สำหรับทั้งผู้ป่วยและครอบครัว จึงมีความจำเป็นที่ต้องมีการการจัดทำมาตรฐานการวางแผนการดูแลล่วงหน้า (Advance care plan) เพื่อให้บุคลากรด้านสุขภาพและสถานพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชน นำไปใช้เป็นแนวทางการจัดบริการ ถือเป็นอีกหนทางหนึ่งในการป้องกันและทางออกของปัญหาอย่างสร้างสรรค์ได้ 

ด้าน นายสุทธิพงษ์ วสุโสภาพล แลกเปลี่ยนแนวคิดการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่บ้านของเยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคมนับเป็นตัวอย่างที่จะนำไปสู่การขยายพื้นที่ที่เป็นองค์ความรู้ และวิธีการดำเนินงานตามวิถีวัฒนธรรม ฉะนั้นรูปแบบของพื้นที่เชื่อมโยงจากโรงพยาบาลสู่สู่ชุมชนท้องถิ่น กระบวนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุและการสร้างเสริมสุขภาวะระยะสุดท้ายที่ตอบโจทย์พื้นที่สร้างสังคมแบบไม่ทอดทิ้งกัน นับเป็นข้อท้าทายของประเทศไทยที่มีรูปแบบการดูแลระบบระยะท้ายของชีวิต ที่เป็นต้นทุนของจังหวัดพื้นที่ในชุมชนระดับปฐมภูมิระยะเปลี่ยนผ่านการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต ให้ อบจ.จังหวัดสงขลา และจังหวัดขอนแก่น 

รวมทั้ง มีการร่วมแลกเปลี่ยนสถานการณ์จากบุคลากรด้านสุขภาพและระบบบริการสุขภาพในเรื่องการดูแลแบบประคับประคองจากผู้แทนโรงพยาบาลพล ศูนย์การุณรักษ์ โรงพยาลศรีนครินทร์จังหวัดขอนแก่น ผู้แทนศูนย์บริบาลผู้สูงอายุจังหวัดสงขลา  เพื่อสร้างแรงบันดาลใจจากการแลกเปลี่ยนจากโมเดล "เยือนเย็น” นับเป็นสิ่งทีส่งผ่านสุขภาวะทางปัญญา จิตวิญญาณ ความดีความงาม และในช่วงเดือนมีนาคม 2568 ได้มีการกำหนดแผนจัดประชุมเชิงปฏิบัติการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อพัฒนาศักยภาพและสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนวิเคราะห์ออกแบบกลุ่มเป้าหมาย และผู้ดูแลด้านสุขภาพให้มีองค์ความรู้ให้สอดคล้องกับบริบทของจังหวัดต่อไป   

CHAT BOT